เกร็ดความรู้

รู้หรือไม่ ? สีของหมวกนิรภัย มีอะไรมากกว่าแค่สีสวย

หากเราพูดถึง หมวกนิรภัย หรือ หมวกเซฟตี้ (Safety Helmet) หลายๆ ท่านอาจจะรู้จักกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เพราะตัวชื่อเองก็บอกวัตถุประสงค์ของหมวกชนิดนี้อย่างชัดเจน ว่ามีไว้เพื่อป้องกันอัตรายในการปฏิบัติหน้าที่ที่มีความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น หรือมีสิ่งของตกกระแทรกศีรษะของเราได้ตลอดเวลา
ซึ่งตามที่เห็นๆ กัน หมวกนิรภัยจะมีหลายสีมาก วันนี้กลัฟเท็กซ์ จะมาให้ความรู้เกี่ยวกับสีของหมวกนิรภัย ว่าแต่ละสีมีความสำคัญอย่างไร และแต่ละสีใช้สำหรับใครกันบ้างกันครับ

หากเราพูดถึง หมวกนิรภัย หรือ หมวกเซฟตี้ (Safety Helmet) หลายๆ ท่านอาจจะรู้จักกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เพราะตัวชื่อเองก็บอกวัตถุประสงค์ของหมวกชนิดนี้อย่างชัดเจน ว่ามีไว้เพื่อป้องกันอัตรายในการปฏิบัติหน้าที่ที่มีความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น หรือมีสิ่งของตกกระแทรกศีรษะของเราได้ตลอดเวลา การสวมหมวกนิรภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ และถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (Personal Protective Equipment (PPE)) ที่กฎหมายกำหนดและบังคับ สำหรับผู้ที่ปฏิบัติงานในส่วนไซส์งานที่มีความเสี่ยงนั้นเอง
สำหรับคนทั่วไปแล้วเราอาจจะไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วหมวกนิรภัยที่เห็นวางจำหน่ายหลากหลายรูปแบบ หลายสีสันให้เลือกตามหน้าร้านค้าต่างๆ หรือในสื่อร้านค้าออนไลน์นั้น มีวัตถุประสงค์ในการทำให้มีสีสันที่ไม่เหมือนกันอยู่ และแบ่งหน้าที่ของแต่ละสีไว้อย่างชัดเจน วันนี้ พีพีอีเมท จะพาเพื่อนมาทำความเข้าใจว่า แต่ล่ะสีของหมวกนิรภัย หมายถึงอะไรแบบเข้าใจง่ายสุดๆ ครั้งต่อไป เวลาต้องการซื้อ หมวกนิรภัย จะได้เลือกซื้อได้อย่างถูกต้อง และปลอดภัย ไปดูกัน
  • สีขาว สำหรับวิศวร/ผู้บริหาร/หัวหน้างานและผู้เชี่ยวชาญ
  • สีเหลือง สำหรับพนักงานทั่วไป
  • สีเขียว สำหรับเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย(จป.)
  • สีฟ้า สำหรับงานช่างประปา
  • สีน้ำเงิน สำหรับเจ้าหน้าที่เทคนิคอื่น ๆ
  • สีแดงและสีส้ม สำหรับพนักงานทำงานเกี่ยวกับความร้อน
หมายเหตุ: การใช้งานแต่ละสีก็ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละบริษัทด้วยนะครับ บทความนี้เป็นข้อกำหนดโดยทั่วไปที่นิยมใช้กัน

ซึ่งสาเหตุที่หมวกนิรภัยมีหลากหลายสี นั้นทำให้เราแยกตำแหน่งและหน้าที่ของงานในสถานที่นั้น ได้อย่างง่ายดายนั้นอง และนอกจากสีของหมวกนิรภัยแล้ว พีพีอีเมทแนะนำให้ดูในส่วนของ TYPE และ CLASS ของหมวกเซฟตี้ควบคู่ไปด้วย เพราะเป็นส่วนที่บ่งบอกความแข็งแรงของหมวกนิรภัยแต่ชนิดนั้นด้วย โดยการแบ่ง TYPE และ CLASS ของหมวกเซฟตี้ และความหมายตามมาตรฐานฉบับปี 2003 ได้ดังนี้
  • TYPE 1 หมวกเซฟตี้ ต้องผ่านการทดสอบแรงกระแทกกลางหมวกส่วนบน
  • TYPE 2 หมวกเซฟตี้ ต้องผ่านการทดสอบแรงกระแทกทั้งที่กลางหมวกส่วนบนและด้านข้างหมวก
  • CLASS-G หมวกเซฟตี้ สามารถลดอันตรายจากการสัมผัส ตัวนำกระแสไฟฟ้าแรงดันต่ำ (LOW-VOLTAGE ELECTRICAL CONDUCTORS ) และหมวกเซฟตี้ต้องผ่านการทดสอบการต้านทานกระแสไฟฟ้าที่ 2,200 โวลต์
  • CLASS-E หมวกเซฟตี้ สามารถลดอันตรายจากการสัมผัสตัวนำกระแสไฟฟ้าแรงดันสูง (HIGH-VOLTAGE ELECTRICAL CONDUCTORS) และหมวกเซฟตี้ต้องผ่านการทดสอบการต้านทานกระแสไฟฟ้าที่ 20,000 โวลต์
  • CLASS-C หมวกเซฟตี้ ไม่มีคุณสมบัติป้องกันอันตรายจากการสัมผัสตัวนำกระแสไฟฟ้า
*** คลิกที่รุป เพื่ออ่านรายละเอียดสินค้า ***

สุดท้ายอย่าลืมตรวจดูหมวกเซฟตี้ที่ได้รับการรับรองจะต้องระบุชื่อหรือเครื่องหมายการค้าของผู้ผลิต วันเดือนปีผลิต เครื่องหมาย ANSI ขนาดของหมวกไว้บนตัวหมวกเซฟตี้ พร้อมด้วยฉลากคำแนะนำของผู้ผลิต วิธีใช้ การคาดคะเนอายุใช้งาน วิธีปรับหมวก และขั้นตอนการดูแลด้วยนะทุกๆท่าน  แล้วเจอกันใหม่ใน สาระน่ารู้ครั้งต่อไปว่าจะมีอะไรดีๆ มาแชร์กันอีก
หมายเหตุ: การใช้งานแต่ละสีก็ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละบริษัทด้วยนะครับ บทความนี้เป็นข้อกำหนดโดยทั่วไปที่นิยมใช้กัน

: เรียบเรียงโดย Naphat K
ข้อมุลอ้างอิง
thai-safetywiki
สอบถาม หรือขอใบเสนอราคา
https://www.facebook.com/Glovetex.Safety
Tel. 083-989-7512 (เพื่อสอบถาม หรือขอใบเสนอราคา)
Line : @microtex หรือคลิก https://lin.ee/wgXULga

Related Posts