ในปัจจุบัน ถุงมือยาง เริ่มมีการนำมาใช้ในชีวิตประจำวันกันมากขึ้นทั้งชนิด ถุงมือยางธรรมชาติ และถุงมือยางสังเคราะห์ จะสังเกตได้จากการไปตามสถานที่ต่างๆ และมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่สวมถุงมือยางออกมา ไม่ว่าจะเป็นการไปช้อปปิ้ง เดินทางบนรถไฟฟ้า นั่งรถสาธารณะ เดินห้างสรรพสินค้า เป็นต้น เพราะว่าสถานการณ์ในปัจจุบัน ทำให้เราต้องปรับตัว เปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตของเราใหม่นั้นเอง แล้วสงสัยไหม? ถุงมือยางธรรมชาติ และ ถุงมือยางสังเคราะห์ ต่างกันอย่างไร วันนี้ Glovetex จะมาไขขอสงสัยนี้ให้ทุกคนเข้าใจกันครับ
โดยส่วนใหญ่แล้วถุงมือยางที่เราใช้กันอยู่ หรือวางจำหน่ายตามร้านสะดวกซื้อต่างๆ นั้น มีอยู่ 2 ประเภท ได้แก่
ถุงมือยางธรรมชาติ ( Latex ) และ ถุงมือยางสังเคราะห์ (Nitrile) (อ่านรายระเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวประเภทของถุงมือยางได้ที่นี่ >> คลิก)
1. วัสดุที่แตกต่างกัน
ถุงมือทั้งสองชนิดนี้ ถึงแม่จะมีลักษณะผิวสัมผัสที่ใกล้เคียงกันแต่ จริงๆ แล้วแตกต่างกันสิ้นเชิงในเรื่องวัสดุ และการใช้งาน ถุงมือยางธรรมชาติ ผลิจากยางพาราเข้มข้น (Latex) มีส่วนประกอบของสารเคมีบางชนิด ที่ทำการรักษาสภาพของถุงมือให้มีสภาพการใช้งานที่ยาวนาน ไม่เสื่อมเร็วจนเกินไป, ในส่วนของถุงมือยางสังเคราะห์ นั้นผลิตจากปิโตเลียม หรือยางไนไตร (NBR-Nitrile Butadiene Rubber) ซึ่งมีความทนต่อสารจำพวก น้ำมัน ไขมัน และสารละลายไม่มีขั๋วต่างๆ อาทิเช่น โรงงานผลิตชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ โรงพิมพ์ และงานสัมผัสอาหารที่มีน้ำมัน เป็นต้น
สรุป : ถุงมือยางธรรมชาติ ผลิตจากยางพารา / ถุงมือยางสังเคราะห์ ผลิตจากปิโตเลียม หรือยางไนไตร
2. ความทนทาน และยืดหยุ่นที่แตกต่างกัน
เนื่องด้วยถุงมือยางธรรมชาติ มีวัสดุที่ผลิตจากยางพาราจึงทำให้ถุงมือชนิดนี้มีความยืดหยุ่นสูง และทำให้สวมใส่กระชับมือ ลดอาการเมื่อยล้า เหมาะกับงานที่ต้องการคล่องแคล่ว ในบ้างอุตสาหกรรมที่ต้องการความละเอียด เช่น งานประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หยิบจับงานที่มีขนาดเล็ก, ซึ่งแต่งต่างจากตัวถุงมือสังเคราะห์จะมีความแข็งแรงมากถึง 3 เท่าที่ความหนาเท่ากัน มีความทนทานต่อการฉีกขาด แรงบิด รวมถึงทนต่อสารเคมี และน้ำมัน ได้ดีมากกว่าถุงมือยางธรรมชาติ จึงเป็นที่นิยมใช้ในงานอุตสาหกรรม เพราะให้ความคงทน และการใช้งานระยะเวลาที่นานกว่า ลดการสิ้นเปลืองของวัตถุดิบได้นั้นเอง
สรุป : ถุงมือยางธรรมชาติมีความยืดหยุ่นกว่า / ถุงมือยางสังเคราะห์มีความแข็งแรงคงทนกว่า
3. อาการแพ้จากใช้งาน และความเหมาะสม
อย่างที่เราทราบกันดีว่าถุงมือยางธรรมชาตินั้น จะมีทั้งแบบที่มีแป้ง และไม่มีแป้ง ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อกลุ่มที่มีอาการแพ้แป้งที่เป็นส่วนผสมหนึ่งจากกระบวนการผลิต เนื่องจากส่วนใหญ่แล้ว มักพบผู้ที่มีแพ้แป้งจากส่วนนี้มากกว่าการแพ้โปรตีน เพื่อไม่ให้ถุงมือติดกันในขณะบรรจุ ดังนั้นหากเราเลือกใช้ถุงมือยางธรรมชาติ ชนิดไม่มีแป้ง ก็สามารถป้องกันอาการแพ้เหล่านี้ในระหว่างการใช้งาน และยังปลอดภัยกับการสัมผัสอาหาร ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าร้านอาหารที่ได้มาตรฐาน เลือกใช้ถุงมือชนิดแบบไม่มีแป้ง เป็นต้น
สรุป : ถุงมือยางธรรมชาติอาจก่อให้เกิดอาการแพ้สำหรับบ้างคนที่มีอาการแพ้โปรตีน / ถุงมือยางสังเคราะห์ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้โปรตีน
4. ราคาที่แตกต่างกัน
เรื่องราคาก็เป็นปัจจัยต้นๆ ในการเลือกใช้ถุงแต่ละชิ้น ซึ่งถุงมือยางธรรมชาติผลิตจากวัสดุยางพารา ที่หาได้ในประเทศไทย จึงทำให้มีต้นทุนต่ำกว่าถุงมือยางสังเคราะห์ หรือยางไนไตรที่ผลิตจากปิโตเลี่ยม ซึ่งต้องนำเข้าและมีราคาสูงกว่า
สรุป : ถุงมือยางธรรมชาติมีราคาถูกกว่า ถุงมือยางสังเคราะห์(ไนไตร)
เหมาะกับงานอะไรบ้าง
ถุงมือยางธรรมชาติ เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความคล่องตัวและละเอียดอ่อนอย่างเช่นการผ่าตัด
ถุงมือไนไตร เหมาะสำหรับงานที่ต้องมีการสัมผัสกับสารเคมี, งานในโรงงานอุตสาหกรรม, งานในห้องปฏิบัติการ ที่ต้องมีการสัมผัสกับสารเคมีอันตรายและสารพิษต่าง ๆ , งานในการผลิตอาหาร, งานที่ต้องสัมผัสกับน้ำและความชื้นต่าง ๆ เป็นต้น และเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่มีอาการแพ้ถุงมือยางธรรมชาติ
เนื่องจากถุงมือยางใช้วัสดุที่นำมาผลิต และคุณสมบัติแตกต่างกัน ฉะนั้นการเลือกซื้อถุงมือยาง ควรเลือกให้เหมาะสมกับงานที่ทำด้วย เพราะถุงมือยางธรรมชาติและถุงมือไนไตรนั้น มีข้อดี-ข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นผู้ใช้จึงควรเลือกประเภทของถุงมือที่เหมาะสมกับการใช้งาน แต่อย่างไรก็ดีหากมีอาการแพ้ที่เกิดจากการใช้ถุงมือยางธรรมชาติ ก็สามารถเปลี่ยนมาใช้ถุงมือไนไตรได้ นับว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยลดอาการไม่พึงประสงค์ดังกล่าวได้เป็นอย่างดีนั้นเอง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือขอใบเสนอราคา
https://www.facebook.com/Glovetex.Safety
Tel. 083-989-7512 (เพื่อสอบถาม หรือขอใบเสนอราคา)
Line : @microtex หรือคลิก https://lin.ee/wgXULga